วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2560

โคลนนิ่งมนุษย์ผิดจริยธรรม?

ประเด็นจริยธรรม
ข่าวใหญ่ในวงการแพทย์ ที่เกิดขึ้นก่อนสิ้นปี 2545 นี้คือเรื่องการคลอดของทารก Eve ซึ่งองค์การลัทธิไลเลียน (Raelien Sect) ซึ่งอ้างว่าตนเป็นศาสนาใหม่ที่มีความเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวได้ใช้วิธีการโคลนมนุษย์ชุดชุดแรกไว้ในโลกเมื่อ สองหมื่นห้าพันปีก่อนและมีความเชื่อว่าการโคลนมนุษย์เป็นวิธีการหนึ่งที่จะนำ ให้เผ่าพันธุ์ของมนุษยชาติได้เข้าถึงความเป็นอมตะได้ในที่สุด ผู้นำ ลัทธินี้ได้อ้างว่าได้ทำ การโคลนมนุษย์ให้แก่คู่ครองจำนวน 10 คู่ ซึ่งต่อมาครึ่งหนึ่งของจำ นวนนี้กำ ลังจะให้กำ เนิดทารก ซึ่งทารกที่เกิดจากการโคลนคนแรกของโลกได้เกิดขึ้นในวันที่ 26 ธันวาคมโดยมีแม่เป็นสตรีชาวอเมริกัน และต่อมาในวันที่ 5 มกราคม ทารกคนที่สองซึ่งเกิดจากเทคนิดเดียวกันลืมตามองดูโลกขึ้นเป็นครั้งแรก และต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้จะมีคุณแม่อีกหลายคนที่จะให้กำ เนิดทารกที่เกิดจากการโคลน





Cady: Blood from the dead girl was used to create cloned embryos
ที่มา www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-1172587/Calls-jail-doctor-cloned-dead-girl-Cadys-blood.html
แม้ว่าทางองค์การ Cloneaid ได้แถลงข่าวอย่างเป็นทางการถึงสองครั้งแล้วก็ตามแต่ในปัจจุบันก็ยังไม่มีองค์การใดที่จะเข้ามาตรวจสอบDNA ของทั้งมารดาและทารกทั้งสองคู่นี้ เพื่อยืนยันหรือปฏิเสธว่าทารกทัง้ คมู่ กี าํ เนดิ จากเทคนคิ ทางการโคลนมนุษย์ดังที่องค์การ Cloneaid ได้
อ้างไว้

การผสมเทียมในหลอดแก้วแล้วถ่ายฝากตัวอ่อน In Vitro Fertilization Embryo transfer, IVF-ET

การทำเด็กหลอดแก้วเป็นภาษาที่พูดกันทั่วไป  มีหมายความถึงกระบวนการกระตุ้นไข่ในรังไข่ให้เจริญเติบโตครั้งละหลายๆฟอง แล้วเจาะดูดเอาออกมาผสมกับอสุจิที่เตรียมไว้ให้เกิดการปฏิสนธิในหลอดแก้ว หรือในห้องทดลอง  เมื่อมีการแบ่งตัวของตัวอ่อนในระยะเหมาะสมก็นำกลับใส่เข้าไปในโพรงมดลูกของ แม่  เพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์และเจริญคลอดออกมาเป็นทารกต่อไป
การทำเด็กหลอดแก้ว เรามักทำเป็นขั้นตอนท้าย ๆ ของกระบวนการช่วยการมีบุตรยาก  หลังจากที่รักษาโดยวิธีง่าย  ๆ อย่างอื่นแล้วไม่ตั้งครรภ์  ได้แก่  การกระตุ้นการตกไข่  การผสมในโพรงมดลูก  และการผ่าตัดแก้ไขความผิดปกติของมดลูกและรังไข่ ฯลฯ เพราะการทำเด็กหลอดแก้วเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนใช้เทคโนโลยี เครื่องมือ สถานที่ และบุคคลากรที่มากกว่าและมีความจำเพาะต่องานมากกว่าธรรมดา จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายมากกว่าและอาจมีภาวะแทรกซ้อนมากกว่าด้วย
การทำเด็กหลอดแก้วในคนประสบความสำเร็จครั้งแรกเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว  และมีการแตกแขนงออกไปทำ GIFT, CIFT และ ICSI ประโยชน์การทำเด็กหลอดแก้ว คือช่วยให้คู่สมรสมีโอกาสตั้งครรภ์มีบุตรได้


การทำเด็กหลอดแก้ว



ขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้ว
หลังจากประเมินแล้วว่าฝ่ายชายสามารถผลิตอสุจิได้ ฝ่ายหญิงมีรังไข่ที่ยังทำงานผลิตไข่ได้มีมดลูกที่ตั้งครรภ์ได้และสุขภาพไม่เป็นอุปสรรคต่อการตั้งครรภ์แล้ว
มีขั้นตอนดังนี้

การนำเซลล์สืบพันธุ์ไปใส่ในท่อนำไข่ (GIFT หรือ Gamete Intra Fallopian Transfer)

กิฟท์  (GIFT, Gamete intrafallopian transfer) คือวิธีการที่ใส่เชื้ออสุจิ (ที่เตรียมแล้ว) และไข่ (sperm and egg)
เข้าไปในท่อนำไข่ของฝ่ายหญิง 1 หรือ 2 ข้าง ทั่วๆไปจะใส่ไข่ 2 ฟองร่วมกับตัวเชื้ออสุจิ 5 หมื่นถึง 1 แสนตัวต่อท่อ 1 ข้าง
(รวมแล้วใช้ไข่ 4 ฟอง)
ข้อบ่งชี้
ภาวะมีบุตรยากที่ไม่ทราบสาเหตุ
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญนอกโพรงมดลูก
เชื้ออสุจิอ่อนแต่ไม่มาก
หลังจากไม่สำเร็จจากการผสมเทียมโดยใช้เชื้อชายอื่น
ขั้นตอน
การ กระตุ้นไข่ให้ได้ไข่หลายๆฟอง ในรอบธรรมชาติจะมีไข่เพียง 1 ฟองต่อเดือน แต่ในรอบที่จะใช้วิธีช่วยการเจริญพันธุ์ เช่น กิฟท์ เราจะกระตุ้นรังไข่หลายๆฟองเพื่อเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ ซึ่งมีหลายวิธีแต่วิธีการที่ใช้บ่อยคือ
1.1   วิธีที่ใช้ระยะเวลายาว (long protocol) โดยการให้ฮอร์โมนตัวหนึ่ง (GnRHa, gonadotropin releasing hormone  agonists)อาจโดยการพ่นยาเข้าโพรงจมูกหรือฉีดยาเข้าใต้ผิวหนัง ประมาณ 7-10วันก่อนที่จะมีประจำเดือนให้ไปจนกระทั่งตรวจพบว่าระดับฮอร์โมนเอสตราไดออล (estradiol) มีระดับน้อยกว่า 30-35 พิโคกรัมต่อซี.ซีจึง เริ่มต้นยาฉีดเพื่อกระตุ้นรังไข่ ยาที่ใช้คือ hMG (human menopausal gonadotropin) หรือ FSH(follicle stimulating hormone) ซึ่งมีชื่อทางการค้าแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่จะให้ยาฉีดทุกวัน ติดตามผลการกระตุ้นรังไข่โดยการดูขนาดของถุงไข่(follicle)ด้วยเครื่องคลื่นเสียงความถี่สูง อาจใช้ร่วมกับการตรวจเลือดเพื่อดูระดับ เอสตราไดออลซึ่งระดับจะสูงสัมพันธุ์กับขนาดและจำนวนของถุงไข่ ให้ยาจนกระทั่งมีถุงไข่ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 18-20 มม.(จากการวัดโดยคลื่นเสียงความถี่สูง) จำนวนอย่างน้อย 2-3 ถุง จึงให้ฮอร์โมนอีกชนิดหนึ่ง (hCG, human chorionic gonadotropin) ขนาด 5,000-10,000 ยูนิต ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ  และจะทำการเจาะเก็บไข่ (ovum pick up) หลังจากยาฉีดประมาณ 34-36 ชั่วโมง
1.2   วิธีที่ใช้ระยะเวลาสั้น (short protocol) โดยการให้ฮอร์โมน GnRHa ) โดยการพ่นยาเข้าโพรงจมูกหรือฉีดยาเข้าใต้ผิวหนังโดยเริ่มยาวันที่ 2-3 หลังจากที่มีประจำเดือนและให้ยาฉีดเพื่อกระตุ้นรังไข่ 1 วันหลังจากได้ฮอร์โมน GnRHaหลังจากนั้นขั้นตอนจะเหมือนกับวิธีที่ 1.1
การเจาะเก็บไข่ (ovum pick up) โดยทั่วๆไปจะใช้การเจาะผ่านทางช่องคลอดโดยการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงช่วย ส่วนน้อยจะเจาะผ่านผนังหน้าท้อง  หรือผ่านทางกล้องส่องผ่านทางผนังหน้าท้อง  จะกระทำภายใต้การให้ยาสลบเพื่อไม่ให้เจ็บปวดหรืออาจให้เพียงยาระงับปวดร่วมกับยากล่อมประสาทก็ได้
3. การเตรียมน้ำอสุจิ จะเตรียมน้ำอสุจิโดยการให้ฝ่ายชายเก็บอสุจิโดยการช่วยตัวเอง (masturbation) และนำน้ำอสุจิที่ได้ไปเตรียมทางห้องปฏิบัติการ
4. การใส่อสุจิร่วมกับไข่เข้าไปในท่อนำไข่ของฝ่ายหญิง โดยทั่วๆไปจะกระทำผ่านทางกล้องส่องเจาะผ่านผนังหน้าท้อง (ส่วน น้อยจะทำผ่านโพรงมดลูกและผ่านสายเข้าท่อนำไข่โดยใช้กล้องส่องภายในโพรงมดลูก หรือใช้คลื่นเสียงความถี่สูงช่วย) ส่วนใหญ่จะกระทำภายใต้การให้ยาสลบเพื่อไม่ให้เจ็บปวด
5.  หลังใส่เชื้ออสุจิและไข่เข้าทางท่อนำไข่เรียบร้อยแล้วจะแนะนำให้นอนพักผ่อน แต่ไม่ถึงขนาดต้องนอนนิ่งๆบนเตียงตลอดเวลา อาจทำงานได้บ้างเบาๆ จะมีการให้ยารับประทานหรือยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อ หรือให้ยาทั้งสองชนิดร่วมกัน(ยารับประทานอาจให้เหน็บช่องคลอดได้) แล้วแต่แพทย์แนะนำ
6. ประมาณ 2 สัปดาห์หลังจากทำกิฟท์ จะนัดมาเจาะเลือดเพื่อดูว่าตั้งครรภ์หรือไม่ โอกาสตั้งครรภ์ ประมาณ ร้อยละ 30-40 ค่าใช้จ่าย ค่อนข้างสูง


การฉีดเชื้อผสมเทียมในโพรงมดลูก Intrauterine Insemination-IUI

การฉีดเชื้อผสมเทียมในโพรงมดลูก (IUI) คือ การฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปในโพรงมดลูกโดยตรง โดยใช้ท่อพลาสติกเล็กๆ สอดผ่านปากมดลูกแล้วฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปในช่วงที่มีหรือใกล้กับเวลาที่มีไข่ตก
วิธีนี้มักทำกับคู่ที่ฝ่ายชายมีเชื้ออสุจิผิดปกติ  คือ จำนวนน้อยเกินไปหรือเชื้ออสุจิแข็งแรงน้อยเกินไป  หรือมีปัญหามีปฏิกิริยากับปากมดลูกได้ง่าย  เข้าไปในโพรงมดลูกไม่ได้
นอกจากนี้ยังทำในกรณีที่ฝ่ายชายไม่สามารถปล่อยน้ำอสุจิในช่องคลอดฝ่ายหญิงได้ เช่น อวัยวะเพศมีปัญหาเรื่องการแข็งตัว, หลั่งเร็วเกินไป หรือมีโรคอื่น ๆ
การทำ IUI ช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์มากกว่าวิธีตามธรรมชาติ  เพราะจะได้จำนวนเชื้ออสุจิที่แข็งแรงจำนวนมากกว่าที่เข้าไปปฏิสนธิกับไข่ (จำนวนยิ่งมากยิ่งมีโอกาสอสุจิตัวหนึ่งปฏิสนธิกับไข่ได้มากขึ้น) ในรายที่มีภาวะมีบุตรยากที่หาสาเหตุไม่ได้  พบว่าการทำ IUI มีผลการตั้งครรภ์มากกว่าปกติเป็น 2 เท่า  ถ้าทำร่วมกับกระตุ้นการตกไข่ด้วยยารับประทาน  โอกาสมากขึ้นเป็น 3 เท่า  และถ้ากระตุ้นด้วยยาฉีด (control hyperstimulation) โอกาสมากขึ้นเป็น 4-6 เท่า การทำ IUI อาจใช้เชื้ออสุจิของสามีหรือ เชื้ออสุจิของผู้บริจาค  ถ้าใช้เชื้อจากสามีงดเว้นมีเพศสัมพันธุ์ 2-4 วันก่อนวันทำการฉีด (วันตกไข่) วิธีการคือเมื่อฝ่ายชายเก็บน้ำ เชื้อมาได้จากการช่วยตัวเองแล้ว  เชื้ออสุจิจะถูกล้างด้วยน้ำยาให้แยกออกมาจากน้ำอสุจิแล้วเลือกเฉพาะตัวที่ แข็งแรง ดูดออกมาใส่สายพลาสติกเล็ก ๆ สอดผ่านปากมดลูกฉีดเข้าไปในโพรงมดลูกโดยตรง ปล่อยให้เชื้ออสุจิว่ายไปหาไข่เอง
เวลาที่ใช้เตรียมอสุจิประมาณ 1-2 ช.ม. เวลาที่ใช้ฉีดไม่กี่นาที  ค่าใช้จ่ายไม่แพงมาก (เป็นหลักพันบาทต้น ๆ ) ไม่เจ็บ ทำเสร็จแล้วปฏิบัติตัวได้ตามปกติ ไม่ต้องอยู่โรงพยาบาล ไม่ต้อง พักฟื้นใด ๆ ถ้าไม่ตั้งครรภ์ในการใส่ครั้งหนึ่ง อาจทำซ้ำในรายต่อไปได้อีก




ที่มา : http://pantased.myreadyweb.com/article/topic-25517.html

หูหนวกกับพันธุกรรม

คนหูตึงกับหูหนวกหรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า คนมีความผิดปกติของการได้ยินนั้น ในประเทศไทยมีมากแค่ไหนไม่ทราบได้ แต่ผมเดาว่าคงมีมาก เพราะเห็นมารับบริการที่ คลีนิคโสตสัมผัสและการพูดของภาควิชาจักษุ โสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งเป็นคณะแพทยศาสตร์ที่ผมสังกัดอยู่ จนผู้ให้บริการทำไม่ทัน

ในประเทศสหรัฐอเมริกา เขาว่ามีคนหูตึงและหูหนวกประมาณ 14 ล้ารนคน คิดคร่าวๆ ว่าประมาณ 7 ของคนทั้งหมด ถ้าเอาตัวเลขนี้มาคำนวณสำหรับบ้านเรา ก็คงจะมีคนหูตึงและหูหนวก 3.5 ล้านคน น่าตกใจไหมครับ

ถ้าเรารักและปรารถนาดีต่อเพื่อนร่วมชาติที่โชคร้ายเหล่านี้ เราคงต้องช่วยกันแก้ไขและป้องกันโรคหูหนวก อย่าคิดว่าท่านผู้อ่านซึ่งไม่ใช่หมอ ไม่ใช่พยาบาล ไม่ใช่คนใหญ่คนโต ไม่มีอำนาจวาสนาในทางราชการจะช่วยไม่ได้นะครับ เรามีทางช่วยกันได้มากน้อยตามฐานะของแต่ละคน อ่านต่อไปเถิดครับ แล้วจะเห็นว่าเราช่วยกันได้จริงๆ

หูตึงหูหนวก เกิดจากสาเหตุหลายอย่าง เอาเป็นง่ายๆ ว่าเกิดจากสาเหตุ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เป็นกรรมพันธุ์ กับกลุ่มที่ไม่เป็นกรรมพันธุ์

กลุ่มที่ไม่เป็นกรรมพันธุ์
 มีต้นเหตุหลายอย่าง เช่น การบาดเจ็บ หรือกระทบกระแทกที่หู ท่านผู้อ่านคงเคยได้ยินคำพูด เดี๋ยวกูตบแก้วหูแตกเสียนี่” ซึ่งแสดงว่าการบาดเจ็บหรือกระทบกระแทกที่หูอาจทำให้แก้วหูทะลุหรือฉีกขาด กลายเป็นคนหูตึงได้

ท่านที่ชอบให้ช่างตัดผมแคะหูขอให้ระวังให้ดี เพื่อนของผมคนหนึ่งเล่าว่าไปตัดผมและให้ช่างตัดผมแคะหู กำลังแคะอยู่อย่างเพลิดเพลินก็รู้สึกเจ็บแปล๊บอย่างแรงที่หู และช่างตัดผมแคะเอากระดูกออกมาชิ้นหนึ่ง ตั้งแต่นั้นมาหูข้างนั้นก็ไม่ได้ยินเสียงอีกเลย นั้นก็เป็นเพราะช่างตัดผมแกทำให้แก้วหูทะลุ และดึงเอากระดูกภายในหูชั้นกลางซึ่งทำหน้าที่รับความสั่นสะเทือนของเสียงจากแก้วหูออกมา

กรณีนี้คงจะเรียกว่าหูหนวกที่เกิดจากเจตนาดีก็คงจะได้